DIAMOND BUYING GUIDE
วิธีการเลือกซื้อเพชร
เวลาเราจะซื้อเพชร ไม่ว่าจะเป็นแหวนหมั้น หรือเครื่องประดับต่างๆ หลายท่านมักจะมีข้อสงสัยถึงสิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อ เนื่องจากเพชรเป็นเครื่องประดับที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง เราจึงอยากจะแนะนำหลักการง่ายๆที่ใช้ในการเลือกซื้อเพชร เพื่อให้ทุกท่านสามารถซื้อเพชรได้อย่างมั่นใจ ได้ราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพ โดยปัจจัยหลักที่ใช้ในการพิจารณามีอยู่ 4 ข้อด้วยกันหรือที่เรียกกันว่า “4Cs”
CARAT
ปัจจัยแรกคือปัจจัยที่เห็นได้ชัดที่สุดคือน้ำหนักของเพชร ซึ่งหน่วยมาตรฐานสากลที่ใช้วัดน้ำหนักของเพชรคือกะรัต (Carat) โดย 1 กะรัตเท่ากับ 100 สตางค์ (Point) หรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัม
เพชรที่มีน้ำหนักน้อยกว่า1 กะรัต เช่น 0.50 กะรัตจะเรียกหน่วยเป็นสตางค์(Point)หรือ 50 สตางค์นั่นเอง
เพชรที่มีน้ำหนักมากกว่า1 กะรัต เช่น 1.20 กะรัต อาจเรียกว่า 1 กะรัต 20 สตางค์
น้ำหนักเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อมูลค่าของเพชร ถ้าเปรียบเทียบเพชรที่คุณสมบัติเหมือนกันทุกประการแต่น้ำหนักต่างกัน เพชรที่มีน้ำหนักมากกว่าจะมีมูลค่าสูงกว่า ทั้งนี้เนื่องจากขนาดที่ใหญ่กว่าและความหายาก โดยเพชรยิ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งหาได้ยากนั่นเอง
2. COLOR
สีของเพชรนั้นจะเรียงจาก D,E,F,….ไปจนถึง Z ซึ่งเป็นการเรียงลำดับจากสีขาวบริสุทธิ์ ไม่มีสีใดเจือปน (Colorless) คือ D color ไล่ไปเรื่อยๆจนถึงมีสีติดเหลืองคือ Z Color
สีของเพชรหรือที่คนไทยมักเรียกว่าน้ำนั้นสีที่ถือว่ามีมูลค่าสูงสุดคือ D color หรือน้ำ 100% ซึ่งหมายถึงเพชรสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งไม่มีสีใดเจือปนเลย จึงหาได้ยากที่สุด
แม้ว่าเพชรน้ำ 100% หรือ D color จะมีสีขาวบริสุทธิ์ไม่มีสีใดเจือปน ถือเป็นสีที่สวยที่สุดและมีมูลค่าสูงที่สุดด้วย แต่เราอาจไม่จำเป็นต้องซื้อเพชร D color เสมอไป ทั้งนี้เนื่องจากเพชร D color มีราคาที่สูงกว่าเพชรสีต่ำกว่าค่อนข้างมาก ดังนั้นเราอาจซื้อเพชร G color (น้ำ 97%) ซึ่งยังถือเป็นสีที่สวย น่าใช้งาน และมีราคาต่ำกว่า D color มาก เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ซื้อและงบประมาณที่มี เพราะเพชรเป็นเรื่องของความสวยงามและคุณค่าทางจิตใจ ไม่มีสิ่งใดถูกหรือผิด
3.CLARITY
Clarity หรือที่มักเรียกกันว่าความสะอาดนั้นถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้เพชรแต่ละเม็ดมีความแตกต่างกัน เนื่องจากเพชรแต่ละเม็ดจะมีตำหนิที่ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่เม็ดเดียว
ตำหนิของเพชรจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ตำหนิที่ผิว (Blemishes) และตำหนิภายใน (Inclusions) โดยตำหนิภายในจะส่งผลกับ Clarity grade มากกว่าตำหนิที่ผิว เนื่องจากตำหนิที่ผิวสามารถกำจัดออกไปได้ง่ายกว่านั่นเอง
โดยในการเกรด Clarity ของเพชรนั้นจะพิจารณาภายใต้การขยาย 10 เท่า (10x magnification) โดยผู้เชี่ยวชาญ แบ่งออกเป็นเกรดทั้งหมด ดังนี้
Flawless (FL)ไม่มีตำหนิเลยทั้งที่ผิว (Blemishes) และตำหนิภายใน (Inclusions)
Internally Flawless (IF) ไม่มีตำหนิภายใน (Inclusions) แต่มีตำหนิที่ผิว (Blemishes)
Very Very Slightly Included (VVS1, VVS2)มีตำหนิภายใน (Inclusions) ที่น้อยมาก มองเห็นได้ยากมาก
Very Slightly Included (VS1, VS2) มีตำหนิภายใน (Inclusions)ที่น้อยมองเห็นได้ค่อนข้างยาก
Slightly Included (SI1, SI2) มีตำหนิภายใน (Inclusions)ที่มองเห็นได้ง่าย
Included (I1,I2, and I3) มีตำหนิภายใน (Inclusions)ที่ชัดเจนและมองเห็นได้ง่ายมาก อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งตำหนิระดับนี้อาจส่งผลกระทบต่อความใสและอายุการใช้งานของเพชร
แม้ว่าเพชรที่ไม่มีตำหนิจะเป็นที่ต้องการของคนทั่วไปแต่ก็มีราคาที่สูงเช่นกัน ดังนั้นเราอาจเลือกเพชรที่มีตำหนิบ้าง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อความสวยของเพชร เช่น VVS หรือ VS เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการซื้อลงไปได้มาก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ งบประมาณและความชอบของแต่ละคน
4. CUT
Cut หรือการเจียระไนถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความสวยงามและมูลค่าของเพชรอย่างมาก เพราะก่อนที่จะมาเป็นเพชรอย่างที่เราเห็นกันนั้น เพชรทุกเม็ดเริ่มจากก้อนเพชรดิบ จึงต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญในการเจียระไนเพื่อให้เพชรเม็ดนั้นสามารถเปล่งประกายสวยงามอย่างที่ควรจะเป็นได้
สำหรับปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณา Cut หรือการเจียระไนนั้น จะดูตั้งแต่รูปลักษณ์ที่ปรากฏจากหน้าเพชร เช่น ไฟ ความเปล่งประกาย อีกทั้งยังพิจารณาสัดส่วนต่างๆของเพชร เช่น ขนาดของหน้าเพชร (Table) ความหนาของขอบเพชร (Girdle) ความลึกของเพชร (Depth) เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพิจารณาความเงาของเพชร (Polish) และสัดส่วนความสมมาตรของเพชร (Symmetry) อีกด้วย
โดย Cut หรือการเจียระไนจะถูกจัดเป็น 5 ระดับได้แก่
1 Excellent
2 Very Good
3 Good
4 Fair
5 Poor
โดยเราแนะนำให้ซื้อเพชรที่ได้ Cut grade เป็น Excellent ทั้ง Cut, Polish, Symmetry (Triple Excellent) สำหรับเพชรกลม หรืออย่างน้อยที่สุดควรจะได้เกรด Very Good
ทั้งหมดนี้คือพื้นฐานหลักๆของ 4Cs ซึ่งเป็นเหมือนหัวใจในการพิจารณาคุณภาพเพชรแต่ละเม็ดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก โดยทางเราแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ผู้ซื้อทุกท่านซื้อเพชรที่มีใบรับรอง (Certificate) ที่ออกโดยสถาบันที่เป็นที่ยอมรับ เนื่องจากใบรับรองจะให้รายละเอียดของเพชรครบทั้ง 4Cs อย่างถูกต้องครบถ้วน ทำให้เราสามารถเลือกซื้อเพชรได้อย่างมั่นใจ โดยทางเราแนะนำใบรับรองของ GIA (Gemological Institute of America) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสถาบันอัญมณีที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดจากทั่วโลก
โดยสรุปแล้วเวลาเราจะเลือกซื้อเพชรเราควรพิจารณาจากทั้ง 4 องค์ประกอบนี้ประกอบกัน ไม่ควรเลือกจากแค่องค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่ง เพราะมูลค่าของเพชรมาจากทั้ง 4 องค์ประกอบนี้ประกอบเข้าด้วยกันนั่นเอง
Photo Credit : http://4cs.gia.edu/en-us/4cs-diamond-quality/